โดยปกติ สินค้าบางตัวมันสามารถที่จะขายได้โดยตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่สินค้าบางชนิดอาจสร้างมูลค่าให้คุณได้มากกว่าที่เป็นอยู่ก็เป็นได้ ขอเพียงคุณรู้จักค้นคว้าหาช่องทางการเพิ่มมูลค่าของสินค้าให้มากขึ้น แต่จะเพิ่มแบบไหนทางไหนบ้างนั้น ก็ต้องดูด้วยว่าสินค้าหรือบริการที่ขายอยู่นั้นเป็นอะไร หากเพิ่มแล้วจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นหรือไม่ หรือหากได้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเข้ามา เรามาดูกันหน่อยว่าการเพิ่มมูลค่าสินค้านั้นจะมีไอเดียด้านใดบ้าง
เมื่อตั้งใจจะขายสินค้าทั้งที คุณควรตระหนักไว้เสมอว่าสินค้าทุกตัวสามารถเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้นได้ แต่เราก็รู้จักตักตวงไอเดียสร้างสรรค์เข้ามาใช้ร่วมด้วย เพื่อที่จะให้สินค้านั้นขายได้อย่างราบรื่น ซึ่งไอเดียที่เราหยิบมาแนะนำก็มีด้วยกันดังนี้
แพ็คเก็ตจิ้งหรือบรรจุภัณฑ์ที่เราใช้ใส่สินค้าโดยเฉพาะที่เป็นของฝาก ของที่ระลึก จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีบรรจุภัณฑ์รูปแบบสวยงามและเหมาะสม ยิ่งการออกแบบสวยอย่างมีระดับ ราคาของสินค้าก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าเดิม โดยการออกแบบนั้น แล้วแต่เลยค่ะว่าสินค้านั้น ๆ เหมาะที่จะใช้ในรูปแบบไหน บางครั้งก็เพียงแต่เพิ่มให้มีความสวยงามมากขึ้น น่าใช้มากขึ้น สะดวกต่อการพกพา สิ่งเหล่านี้…หากทำออกมาแล้วย่อมสามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้อย่างแน่นอน
สินค้าทุกชิ้นจะต้องมีคุณภาพเพียงพอที่เราจะสามารถนำมาขายได้ ยิ่งหากคุณภาพเหมาะสมแก่ราคา ต่อให้ราคาสูงก็ตาม แต่รับรองได้เลยค่ะว่าหากสินค้าของคุณนั้นมีประโยชน์กับผู้ที่ซื้อไปใช้งานจริง สินค้านั้นๆ ก็ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ซื้อและทำให้เกิดการยอมรับ บอกต่อปากต่อปากจนสร้างรายได้ที่งดงามตามมาแน่นอน
สินค้าทุกอย่างที่มีรูปแบบหรือแนวเดิมๆ มักสร้างความน่าเบื่อจำเจให้ลูกค้าได้เสมอเมื่อใช้งานไปเป็นระยะเวลายาวนาน ดังนั้น คุณจึงควรสร้างความหลากหลายให้แก่ตัวสินค้าบ้าง เช่น หากขายเสื้อผ้าก็ควรนำเสื้อผ้าหลากหลายแบบ หลายแนวมาขาย หากเป็นขนมก็ควรมีขนมที่มีรสชาติหลากหลายให้ได้เลือกชิม เลือกซื้อ เป็นต้น โดยเฉพาะความแปลกใหม่ในสินค้าแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ปัจจุบันตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งนัก
ใครก็ต่างชอบของดีราคาถูก และแถมได้ แต่ในส่วนของปริมาณบางอย่างอาจจะเพิ่มขึ้นยาก เพราะต้นทุนสูง แต่ถ้าเพิ่มปริมาณได้ก็นับว่าดีเลยทีเดียว เพราะลูกค้าจะรู้สึกชื่นชอบ ประทับใจและนับว่าคุ้มค่าอย่างมากเวลาที่เห็นว่าตัวเองได้สินค้ามาเยอะในราคานั้น ๆ บวกเข้าไปกับคุณภาพของสินค้าด้วยแล้ว ยิ่งคุณภาพดีก็จะยิ่งขายง่าย เพราะลูกค้าบอกกันปากต่อปากนั้นยังมีอยู่ต่อเนื่องเรื่อยๆ นั่นเอง
ในส่วนนี้อาจจะรวมอยู่ในหัวข้อของความหลากหลายของสินค้า แต่แยกออกมาอย่างชัดเจนโดยตรงจะดีกว่าเช่นกัน การใช้สีสันในตัวสินค้านั้น ให้พยายามใช้สีที่ดึงดูดสายตามาก ๆ เป็นสีที่ลูกค้าเห็นแล้วจะต้องสะกิดตาต้องใจ และอยากจะซื้อมากที่สุด ที่สำคัญควรเลือกใช้สีที่บอกถึงสัญลักษณ์ของแบรนด์สินค้าตัวเองด้วย เพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำในยามที่เห็นสีนี้อยู่ในสินค้าตัวไหน พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการการสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่รู้จักนั่นเอง
แต่ในกรณีที่เราไม่ได้เป็นคนสร้างแบรนด์สินค้านั้น ๆ แต่เป็นคนที่นำเข้ามาขายในรูปแบบตัวแทนจำหน่าย ก็สามารถสร้างร้านค้าของเราให้เป็นที่รู้จักซึ่งมันถือเป็นการสร้างแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ร้านค้าเป็นตัวคุณเองแบบแตกต่างก็ได้เช่นกัน
การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าก็เพื่อให้สินค้านั้นสามารถขายได้ในราคาที่แพงขึ้น โดยต้องเป็นสินค้าที่มีความน่าสนใจน่าซื้อและมีคุณภาพอย่างแท้จริง หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ หากเรามีต้นมะม่วงหิมพานต์ เมื่อผลิดอกออกผล เราเก็บเม็ดมะม่วงมาชั่งกิโลขายก็อาจจะขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท แต่ถ้าหากเรานำเอาเม็ดมะม่วงนั้นไปแปรรูปเป็นของขบเคี้ยวทานเล่นหรือทานเป็นกับแกล้มอื่นๆ พร้อมใส่ลงบรรจุภัณฑ์สวยๆ ที่มีแบรนด์ของคุณติดเข้าไปก็จะขายได้ถุงละ 20-30 บาท เลยทีเดียว ทั้งที่ไม่ต้องชั่งให้ถึง 1 กิโลกรัมขายในราคา 20 บาทแบบเดิมด้วยซ้ำไป
หากเรารู้หลักในการแปรรูปและเพิ่มมูลค่าสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมได้ สินค้าตัวนั้นย่อมสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้เยอะมากขึ้น และความน่าสนใจของสินค้าก็เพิ่มขึ้น โอกาสที่จะทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ้นก็มีสูงนั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว การหาไอเดียมาเพิ่มมูลค่าสินค้าจึงเป็นสิ่งที่พ่อค้าแม่ขายทุกคนจะต้องคิดและนำมาปรับใช้กับสินค้าของตัวคุณเองให้เป็น
รู้แบบนี้แล้ว เรารีบหาวิธีทำให้สินค้าของตัวเองมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นกันเถอะนะคะ เพื่อผลักดันให้ธุจกิจของคุณพัฒนาเติบโตก้าวไกลไปมากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมนะคะว่าลูกค้าเองก็ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ แต่ในทางเดียวกันก็อยากจะได้ของที่ดูสวยงาม เหมาะสมกับราคาของเราด้วยเช่นเดียวกัน