ถ้าอยากทำ SEO ทางเทคนิคสำหรับเว็บไซต์ที่รองรับหลายภาษาให้ได้ผลดี มาเริ่มกันด้วยเคล็ดลับ 4 ข้อนี้ ที่จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาและจัดทำดัชนีหน้าเว็บของคุณในทุกภาษาได้ง่ายขึ้น
เวลาในการอ่าน: 30 นาที
ทำไมการมีเว็บไซต์หลายภาษาถึงสำคัญ?
การมีเว็บไซต์ที่รองรับหลายภาษาเป็นเหมือนการเปิดประตูให้ผู้ชมจากหลายที่ทั่วโลกเข้าถึงเนื้อหาที่คุณนำเสนอในภาษาที่พวกเขาถนัด แถมยังช่วยขยายฐานลูกค้า ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น
นอกจากนี้ การทำ SEO ทางเทคนิคที่ดีสำหรับเว็บไซต์หลายภาษายังช่วยให้คุณเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย เช่น การปรับหน้าเว็บให้รองรับคำค้นหาเฉพาะภาษา ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าผลการค้นหาดีขึ้น (SERP) และเพิ่มโอกาสการเข้าชมและยอดขายอีกด้วย
ท้าทายที่ต้องรู้ก่อนลุย
การทำเว็บไซต์หลายภาษาอาจเจอปัญหาทางเทคนิค เช่น โครงสร้าง URL ที่ไม่ชัดเจน การแปลเนื้อหาที่ไม่ตรงใจ ปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน หรือการเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติที่อาจทำให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจผิด แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเรามีเคล็ดลับที่จะช่วยคุณได้
เคล็ดลับ SEO ทางเทคนิค 4 ข้อ
มาดูกันว่าเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์หลายภาษามีอะไรบ้าง
1. โครงสร้าง URL ที่ชัดเจน
การมี URL ที่เจาะจงสำหรับแต่ละภาษาและประเทศช่วยให้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google เข้าใจว่าคุณต้องการให้จัดทำดัชนีเว็บไซต์ในภาษาไหนบ้าง เช่น
ตัวอย่าง
เว็บไซต์ของคุณอาจใช้โดเมนแยก เช่น
- mybusinessname.es (สำหรับสเปน)
- mybusinessname.fr (สำหรับฝรั่งเศส)
- mybusinessname.com (สำหรับอังกฤษ)
ใช้ไดเรกทอรีย่อย เช่น mybusiness.com/es, mybusiness.com/fr
หรือใช้โดเมนย่อย เช่น es.mybusiness.com, fr.mybusiness.com
แต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับงบประมาณและทรัพยากร(งบ)ที่คุณมี
การใช้ URL ภาษาท้องถิ่นลองพิจารณาการใช้โครงสร้าง URL ที่ช่วยลดความยุ่งยากในการกำหนดเป้าหมายของเว็บไซต์หรือบางส่วนของเว็บไซต์ตามภูมิศาสตร์ไปยังภูมิภาคต่างๆ ตารางต่อไปนี้จะอธิบายตัวเลือกที่มีให้คุณ
พารามิเตอร์ URL
แนวทางนี้เกี่ยวข้องกับการใช้พารามิเตอร์ URL กับ URL เพื่อระบุประเทศหรือเวอร์ชันภาษา
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:
- mybusinessname.com/page?lang=fr
- mybusinessname.com/page?lang=es
- mybusinessname.com/page?lang=en
พารามิเตอร์ URL “?lang=fr,” “?lang=es,” และ “?lang=en” แสดงเวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส สเปน และอังกฤษ
** Googleไม่แนะนำแนวทางนี้ เนื่องจาก URL ที่มีพารามิเตอร์อาจทำให้เครื่องมือค้นหาเกิดความสับสน ส่งผลให้การสร้างดัชนีได้รับผลกระทบเชิงลบ
2. แปลและเพิ่มประสิทธิภาพหน้าเพจ
การแปลเนื้อหาให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ ควรตรวจทานการแปลด้วยตัวเองหรือให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
แม้ว่า Google จะได้นำฟีเจอร์ใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ เพื่อให้สามารถแปลได้แม่นยำตามบริบทและความตั้งใจ แต่ก็อย่าเสี่ยงเลย
แม้แต่ข้อผิดพลาดและความไม่ถูกต้องเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนความหมายที่ตั้งใจของเนื้อหาได้ ส่งผลให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ได้รับผลกระทบ
เมื่อทำการตรวจทาน ให้ใส่ใจเป็นพิเศษกับองค์ประกอบต่างๆ เช่น
- รูปแบบ เวลาและวันที่
- หน่วยวัด (ความยาว, ปริมาตร, น้ำหนัก ฯลฯ)
- การอ้างอิงทางวัฒนธรรม (สำนวน อุปมาอุปไมย ฯลฯ)
- สกุลเงิน (รูปแบบเงิน, สัญลักษณ์สกุลเงิน, ค่าแปลง ฯลฯ)
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ที่นี่คือทุกสิ่งบนเว็บเพจของคุณควรสอดคล้องกับภาษาของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงสไตล์การเขียนและองค์ประกอบภาพด้วย
ตัวอย่าง
- ถ้าคุณแปลเนื้อหาจากไทยเป็นอังกฤษ อย่าลืมปรับคำหลักให้เข้ากับภาษา เช่น แทนที่จะใช้ “รองเท้าที่ดีที่สุด” ในภาษาอังกฤษ คุณอาจจะใช้ “best shoes” ในภาษาอังกฤษ
คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาได้โดยให้ใช้คำค้นหายอดนิยมในภาษานั้นๆ ที่สามารถดึงดูดเจ้าของภาษาได้มากกว่า
เมื่อแปลแล้ว อย่าลืมเพิ่มประสิทธิภาพด้าน SEO ด้วยการใช้คำค้นหาในแต่ละภาษาและปรับแท็กที่สำคัญ เช่น Meta Description, Title Tag และ Alt Text ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
3. เพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบ SEO ที่สำคัญ
แปลและเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบเนื้อหา เพื่อให้แน่ใจว่า SEO ของคุณประสบความสำเร็จ การไม่ทำเช่นนั้นอาจส่งข้อมูลเท็จไปยังบอตของเครื่องมือค้นหาที่สร้างดัชนีเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะกระทบต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณได้
1. คำอธิบายเมตา (Meta Descriptions)
สร้างคำอธิบายเมตาที่น่าสนใจโดยใส่คำสำคัญที่เกี่ยวข้องในภาษาต่างๆ ตามกลุ่มเป้าหมายของแต่ละภาษา แม้ว่าคำอธิบายเหล่านี้จะไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับโดยตรง แต่คำอธิบายที่ดีสามารถส่งผลดีต่ออัตราการคลิกผ่าน (CTR) ของหน้าเว็บได้ โดยให้เน้นความยาวตามที่เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาต่างๆ
ตัวอย่าง
- Google: คำอธิบายเมตาควรมีความยาวประมาณ 150-160 อักขระ
- Baidu (จีน): คำอธิบายเมตาควรมีความยาวประมาณ 120 อักขระภาษาจีน
ตัวอย่างการใช้
- คำอธิบายเมตาภาษาอังกฤษ: "Find the best travel deals and exclusive offers in the USA."
- คำอธิบายเมตาภาษาสเปน: "Encuentra las mejores ofertas de viajes y promociones exclusivas en Estados Unidos."
2. แท็กชื่อเรื่อง (Title Tags)
เพิ่มแท็กชื่อเรื่องที่สื่อถึงข้อมูลของหน้าเว็บสำหรับแต่ละภาษา โดยให้แน่ใจว่ามีการใส่คำสำคัญหลายภาษาในแต่ละเวอร์ชันเพื่อให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจบริบทและจัดอันดับได้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่เกินจริงหรือ clickbait เพื่อไม่ให้ผู้ใช้รู้สึกผิดหวัง
ตัวอย่าง
- ภาษาอังกฤษ: "Best Travel Packages to Europe - Plan Your Dream Vacation"
- ภาษาฝรั่งเศส: "Meilleurs Forfaits de Voyage en Europe - Planifiez Vos Vacances de Rêve"
3. ข้อความ Alt ของรูปภาพ (Alt Text)
เขียนข้อความ Alt ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ซึ่งอธิบายรูปภาพสำหรับแต่ละภาษา ข้อความ Alt ที่ดีจะไม่เพียงช่วยเพิ่มการเข้าถึงหน้าเว็บให้กับผู้ใช้ที่ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอ แต่ยังช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถค้นหารูปภาพของคุณในผลการค้นหาได้ในหลายภาษา
ตัวอย่าง
- Alt Text ภาษาอังกฤษ: "A scenic view of the Eiffel Tower in Paris during sunset."
- Alt Text ภาษาญี่ปุ่น: "夕日のパリ、エッフェル塔の美しい景色"
4. ลิงก์ภายใน (Internal Linking)
เพิ่มลิงก์เนื้อหาภายในไปยังหน้าที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ในภาษาเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้นำทางได้ง่ายขึ้นในขณะที่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างหน้าต่างๆ
ตัวอย่าง
- ลิงก์หน้าภาษาฝรั่งเศสไปยังหน้าภาษาฝรั่งเศสอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ เช่น หากคุณมีบทความเกี่ยวกับ "สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปารีส" คุณสามารถลิงก์ไปยังหน้าอื่นๆ เช่น "ร้านอาหารที่ดีที่สุดในปารีส" ที่เป็นภาษาเดียวกัน
3. แก้ปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน
เนื้อหาซ้ำกันในหลายๆ URL อาจทำให้เครื่องมือค้นหาสับสน ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณถูกจัดอันดับต่ำลง ควรใช้ hreflang tag เพื่อบอกให้ Google รู้ว่าเนื้อหาเหล่านี้เป็นเวอร์ชันภาษาต่างๆ ของหน้าเดียวกัน ไม่ใช่การทำซ้ำ
เมื่อมีหน้าเว็บหลายภาษา เครื่องมือค้นหาอาจตีความหน้าเดียวกันเป็นหน้าแยก ทำให้เกิดปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนและอาจโดนค่าปรับได้
การใช้แท็ก hreflang เป็นวิธีสำคัญในการปรับแต่งเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลายภาษาและหลายภูมิภาค โดยช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบถึงความแตกต่างของเนื้อหาในแต่ละเวอร์ชันเพื่อให้แสดงผลได้อย่างถูกต้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม และเพื่อป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน
hreflang เป็นแอตทริบิวต์ HTML ที่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาทราบว่าเว็บไซต์ของคุณมีเวอร์ชันที่แตกต่างกันตามภาษาและภูมิภาค ตัวอย่างของแท็ก hreflang มีลักษณะดังนี้
<link rel=”alternate” hreflang=”en-us” href=”http://myexample.com” />
- <link rel=”alternate”>: สะท้อนถึงเวอร์ชันทางเลือกของเว็บเพจ
- hreflang=”en-us”: ระบุภาษา (อังกฤษ) และภูมิภาค (สหรัฐอเมริกา) ของเวอร์ชันอื่น แอตทริบิวต์ “en-us” หมายถึงเพจนี้กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้พูดภาษาอังกฤษในภูมิภาคสหรัฐอเมริกา
- href=”http://myexample.com”: หมายถึง URL ของเวอร์ชันทางเลือก
เนื่องจากมีความแตกต่างทางภาษาที่ไม่ซ้ำกัน การใช้งาน hreflang อย่างเหมาะสมสามารถป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนและการถูกบทลงโทษจากเครื่องมือค้นหาได้
ประเด็นสำคัญที่ต้องจำไว้ในการใช้งานแท็ก hreflang
- ตำแหน่งการวางแท็ก hreflang
- วางในส่วน <head> ของหน้า HTML
- หรือในส่วนหัว HTTP (สำหรับไฟล์ PDF และไฟล์ที่ไม่ใช่ HTML)
- หรือภายในแท็ก <loc> ของแผนผังเว็บไซต์ XML
- รูปแบบรหัสภาษาและภูมิภาค
- รหัสภาษาควรอยู่ในรูปแบบ ISO 639-1 (เช่น en สำหรับภาษาอังกฤษ)
- รหัสภูมิภาคควรอยู่ในรูปแบบ ISO 3166-1 Alpha 2 (เช่น US สำหรับสหรัฐอเมริกา)
- เช่น hreflang=”fr-fr” สำหรับภาษาฝรั่งเศสในฝรั่งเศส หรือ hreflang="es-mx" หรือ hreflang="th-TH" สำหรับภาษาไทยในประเทศไทย
- อ้างอิงตัวเอง
- ใส่แท็ก hreflang ในทุกหน้าที่มีเวอร์ชันภาษาที่แตกต่างกัน รวมถึงเวอร์ชันหลักด้วย (อ้างอิงตัวเอง) เพื่อแสดงให้ Google ทราบว่ามีลิงก์ระหว่างหน้าต่างๆ อย่างถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น
- <link rel=”alternate” hreflang=”en-us” href=”http://myexample.com/en-us” />
- <link rel=”alternate” hreflang=”fr-fr” href=”http://myexample.com/fr-fr” />
- <link rel=”alternate” hreflang=”x-default” href="http://myexample.com” />
- ใช้ x-default สำหรับหน้าเริ่มต้น
- แท็ก hreflang=”x-default” ใช้สำหรับการตั้งค่าเริ่มต้น ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่เหมาะสมเมื่อไม่พบเวอร์ชันที่ตรงกับภาษาและภูมิภาคที่กำหนดไว้
- การอ่านคู่มือและคำแนะนำ
- ควรศึกษาคู่มือเบื้องต้นสำหรับการนำ hreflang ไปใช้เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม เช่นคำแนะนำจาก Google Search Central ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเข้าใจการนำ hreflang ไปใช้ในเว็บไซต์ที่มีหลายภาษา
หมายเหตุ
- แท็ก hreflang แจ้งให้เครื่องมือค้นหา เช่น Google และ Yandex ทราบถึงความแปรผันของเนื้อหา แต่ไม่ใช่คำสั่ง เครื่องมือค้นหาอาจเลือกที่จะแสดงผลลัพธ์ตามดุลยพินิจของตนเอง
- เครื่องมือค้นหาเช่น Bing และ Baidu ไม่ได้ใช้แท็ก hreflang แต่จะใช้เมตาแท็ก "ภาษาเนื้อหา" เพื่อประเมินและจัดการความแปรผันของเนื้อหาแทน
การใช้ hreflang อย่างถูกต้องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการแสดงผลต่อผู้ใช้ในแต่ละประเทศและแต่ละภาษามากขึ้น ส่งผลดีต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับในหน้าผลการค้นหา
** อย่าใช้การวิเคราะห์ IP เพื่อปรับเนื้อหา การวิเคราะห์ตำแหน่ง IP เป็นเรื่องยากและโดยทั่วไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ Google อาจรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ในเวอร์ชันต่างๆ ได้ไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่แล้ว (ไม่ใช่ทุกครั้ง) Google จะรวบรวมข้อมูลโดยเริ่มจากสหรัฐอเมริกาและจะไม่พยายามเปลี่ยนไปใช้สถานที่ต่างๆ กันในการตรวจหาเว็บไซต์เวอร์ชันอื่นๆ โปรดใช้วิธีการที่ชัดแจ้งที่แสดงที่นี่วิธีใดวิธีหนึ่ง (hreflang, URL ทางเลือก หรือลิงก์ที่ชัดเจน)
4. หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติ
การเปลี่ยนเส้นทางอัตโนมัติตามการตั้งค่าภาษาของเบราว์เซอร์อาจทำให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาไม่สามารถเข้าถึงหน้าเว็บในเวอร์ชันต่างๆ ได้ แนะนำให้ใช้เมนูภาษาให้ผู้ใช้เลือกเองดีกว่า เพื่อให้พวกเขาเข้าถึงหน้าเว็บในภาษาที่ต้องการได้โดยสะดวก
การจัดให้มีตัวเลือกภาษา
การเพิ่มตัวเลือกภาษาบนเว็บไซต์ที่มีหลายภาษาถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX) และสนับสนุนความพยายามในการทำ SEO โดยทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้ง่ายขึ้นสำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ใช้เลือกภาษาที่ต้องการได้อย่างง่ายดายเมื่อสำรวจเว็บไซต์
เหตุผลในการใช้ตัวเลือกภาษา
- การสื่อสารกับผู้พูดภาษาต่างๆ: ช่วยให้สามารถสื่อสารกับผู้ใช้ที่พูดภาษาต่างๆ จากประเทศเดียวกันได้ เช่น ชาวแคนาดาที่พูดภาษาฝรั่งเศสและชาวแคนาดาที่พูดภาษาอังกฤษ
- การแยกแยะภาษา: ช่วยให้สามารถระบุและแยกแยะภาษาในประเทศที่มีภาษาหลากหลายได้
- การใช้งานและการรวบรวมข้อมูล: ตัวเลือกภาษาช่วยให้บ็อตของเครื่องมือค้นหาสามารถสำรวจและจัดทำดัชนีเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีหลายภาษาหรือหลายภูมิภาค
การเลือกใช้ตัวเลือกภาษา
- แม้ว่าการใช้ธงชาติจะเป็นวิธีทั่วไปในการแสดงตัวเลือกภาษา แต่ก็มีข้อจำกัด เพราะธงชาติแสดงถึงประเทศไม่ใช่ภาษา เช่น หากเว็บไซต์มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดชาวแคนาดาที่พูดภาษาสเปนและชาวอเมริกันที่พูดภาษาอิตาลี การใช้ธงชาติสเปนและอิตาลีอาจทำให้ผู้ใช้งานสับสน เนื่องจากธงจะระบุประเทศมากกว่าภาษา
- ธงอาจทำให้ผู้ใช้เข้าใจผิด โดยเฉพาะในกรณีที่ประเทศหนึ่งมีหลายภาษา เช่น สวิตเซอร์แลนด์ที่มีภาษาทางการหลายภาษา (เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี)
แนวทางที่แนะนำ
- ใช้ชื่อภาษาที่แสดงในรูปแบบดั้งเดิม: แทนที่จะแสดงธงชาติ ให้ใช้ชื่อภาษาที่เขียนในรูปแบบดั้งเดิมของภาษาเอง เช่น:
- ใช้คำว่า 日本語 แทน ญี่ปุ่น
- ใช้คำว่า Deutsch แทน เยอรมัน
- ใช้คำว่า Français แทน ฝรั่งเศส
- ใช้รหัส ISO 639: ISO 639 เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้รหัสภาษาแบบสองตัวอักษร เช่น:
- ภาษาอังกฤษ: EN
- ภาษาฝรั่งเศส: FR
- ภาษาสเปน: ES
- ภาษาญี่ปุ่น: JA
- การใช้รหัส ISO จะช่วยให้ตัวเลือกภาษามีความชัดเจนและเป็นสากลมากขึ้น
- ปลั๊กอินสำหรับตัวเลือกภาษา: หากใช้ CMS เช่น WordPress หรือ Joomla สามารถใช้ปลั๊กอินที่รองรับตัวเลือกภาษา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนภาษาของเว็บไซต์ได้ง่าย แต่ควรเลือกปลั๊กอินที่สามารถแสดงชื่อภาษาได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เพียงแค่แสดงธงชาติเท่านั้น
- วางตำแหน่งตัวเลือกภาษาใน UI: ควรวางตัวเลือกภาษาในตำแหน่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น มุมบนขวาของหน้าเว็บไซต์ หรือลิงก์ใน footer ของเว็บ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนภาษาได้สะดวก
การจัดให้มีตัวเลือกภาษาอย่างเหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้เลือกภาษาได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยสนับสนุนการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการส่งสัญญาณที่ถูกต้องไปยังเครื่องมือค้นหา
สรุปปิดท้าย SEO สำหรับเว็บไซต์หลายภาษา
การทำ SEO สำหรับเว็บไซต์หลายภาษาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถปรับปรุงการมองเห็นในผลการค้นหา เพิ่มจำนวนผู้ชม และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ได้ อย่าลืมวางแผนและติดตามผลลัพธ์เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดทำเว็บไซต์หลายภาษาและการใช้งานตัวเลือกภาษา
-
ทำไมการจัดให้มีตัวเลือกภาษาในเว็บไซต์ถึงสำคัญ?
- การจัดให้มีตัวเลือกภาษาช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ (UX) ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้ง่ายขึ้น ช่วยให้สื่อสารกับผู้ใช้ที่พูดภาษาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยสนับสนุน SEO ของเว็บไซต์โดยทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถทำดัชนีเนื้อหาได้ดีขึ้น
-
ทำไมไม่ควรใช้ธงชาติเป็นตัวเลือกภาษาบนเว็บไซต์?
- การใช้ธงชาติอาจทำให้ผู้ใช้สับสน เนื่องจากธงชาติแสดงถึงประเทศ ไม่ใช่ภาษา หลายประเทศมีภาษาหลากหลาย เช่น สวิตเซอร์แลนด์ที่มีภาษาทางการ 4 ภาษา การใช้ชื่อภาษาที่แสดงในรูปแบบดั้งเดิมหรือรหัส ISO 639 จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
-
รหัส ISO 639 คืออะไร?
- ISO 639 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับรหัสภาษา ใช้รหัสแบบสองตัวอักษรเพื่อระบุภาษา เช่น EN สำหรับภาษาอังกฤษ FR สำหรับภาษาฝรั่งเศส การใช้รหัสนี้ช่วยให้การแสดงตัวเลือกภาษามีความชัดเจนและเข้าใจง่าย
-
วิธีการแสดงตัวเลือกภาษาควรวางไว้ที่ใด?
- ตัวเลือกภาษาควรวางไว้ในตำแหน่งที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่าย เช่น มุมบนขวาของหน้าเว็บไซต์หรือใน footer เพื่อให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาษาได้สะดวก
-
การใช้งานปลั๊กอินสำหรับตัวเลือกภาษาดีอย่างไร?
- การใช้ปลั๊กอินช่วยให้เว็บไซต์หลายภาษาสามารถจัดการการแสดงผลของเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยปลั๊กอินบางตัวสามารถเปลี่ยนภาษาได้โดยอัตโนมัติตามการตั้งค่าของผู้ใช้ ทำให้การจัดการเนื้อหาหลายภาษามีความสะดวกยิ่งขึ้น
-
การเลือกภาษาในรูปแบบดั้งเดิมมีประโยชน์อย่างไร?
- การแสดงชื่อภาษาตามรูปแบบดั้งเดิม เช่น 日本語 แทน ญี่ปุ่น หรือ Français แทน ฝรั่งเศส ช่วยให้ผู้ใช้ที่พูดภาษานั้นสามารถระบุภาษาได้ง่ายขึ้นและเข้าใจได้โดยตรงว่าภาษาที่เลือกคืออะไร
-
แท็ก hreflang มีบทบาทอย่างไรในเว็บไซต์หลายภาษา?
- แท็ก hreflang ช่วยบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้านั้นเป็นเวอร์ชันที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับภาษาหรือภูมิภาคใด การใช้ hreflang อย่างถูกต้องช่วยป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนและทำให้เครื่องมือค้นหาสามารถแสดงเนื้อหาที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในแต่ละประเทศหรือภาษา
-
การใช้ตัวเลือกภาษาแบบไหนที่เหมาะสมที่สุด?
- การใช้ตัวเลือกภาษาในรูปแบบข้อความหรือใช้รหัส ISO 639 ถือเป็นแนวทางที่ดี เนื่องจากทำให้การแสดงภาษามีความชัดเจนมากขึ้นและหลีกเลี่ยงความสับสนที่อาจเกิดจากการใช้ธงชาติในการระบุภาษา