สิ่งที่ควรรู้ Google SEO ในปี 2025 นี้มีอะไรบ้าง

สิ่งที่ควรรู้ Google SEO ในปี 2025 นี้มีอะไรบ้าง

ในปี 2025 การทำ Google SEO ยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการเพิ่มความสามารถในการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในผลการค้นหา การเปลี่ยนแปลงของ Google ในช่วงนี้มักเน้นไปที่เทคโนโลยี AI, ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์, และความพึงพอใจของผู้ใช้ นี่คือสิ่งที่ควรรู้สำหรับการทำ Google SEO ในปี 2025

เวลาในการอ่าน: 30 นาที

การค้นหาแบบ Generative AI และ Search Generative Experience (SGE)

Google ยังคงพัฒนาและใช้ AI ในการปรับปรุงประสบการณ์การค้นหาของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟีเจอร์ Search Generative Experience (SGE) ซึ่งช่วยในการสร้างคำตอบที่มีความซับซ้อนและเจาะลึกมากขึ้น

การทำ SEO จึงต้องเน้นการสร้างเนื้อหาที่ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ อย่างละเอียด มีคุณภาพสูง และเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ตรงกับคำตอบที่ AI ของ Google สร้างขึ้นมา

เนื้อหาที่มีคุณภาพ (Quality Content) สำคัญมากขึ้น

Google ยังคงให้ความสำคัญกับ E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, Trustworthiness) ในการประเมินคุณภาพเนื้อหา ดังนั้น การเขียนบทความหรือข้อมูลบนเว็บไซต์ควรเน้นที่ ความน่าเชื่อถือ และแสดงให้เห็นถึง ความเชี่ยวชาญ ในเรื่องนั้น ๆ

เนื้อหาที่มีประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง หรือข้อมูลเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่า

คุณต้องอัปเดตเนื้อหาของคุณเป็นประจำ

หากต้องการรักษาอันดับของคุณในปี 2025 คุณต้องอัปเดตเนื้อหาของคุณเป็นประจำ Google จะจัดอันดับไซต์ที่อัปเดตบ่อยครั้งให้สูงกว่า ดังนั้นอย่าลืม 

อัปเดตบทความเก่าและล้าสมัย ข้อมูลอุตสาหกรรม/ธุรกิจใหม่ ข้อมูลเชิงลึกใหม่ และแนวคิดที่เป็นประโยชน์ แต่พยายามหลีกเลี่ยงการลบ URL เนื่องจากไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อ Google

อัปเดตส่วนหัว หัวเรื่อง และเนื้อหาด้วยคำสำคัญและวลีที่ค้นคว้ามาใหม่เพื่อให้ได้อันดับที่ดีขึ้น

ใส่ลิงก์ย้อนกลับที่มีคุณภาพสูงเพื่อปรับปรุง "ความน่าเชื่อถือ" ของเนื้อหาของคุณ ยิ่งคุณเชื่อมโยงกับไซต์ที่มีคุณภาพมากเท่าใด Google ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะมองว่าคุณมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น

เชื่อมโยงภายในหากเป็นไปได้ ซึ่งช่วยให้ Google ค้นหา จัดทำดัชนี และทำความเข้าใจหน้าต่างๆ ทั้งหมดในเว็บไซต์ของคุณได้

ดำเนินการตรวจสอบเนื้อหาเป็นประจำเพื่อระบุบล็อก บทความ และหน้า Landing Page ที่ล้าสมัยหรือไม่เกี่ยวข้อง

นำเนื้อหาไปใช้ในรูปแบบใหม่ๆ และโพสต์บนแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพื่อให้เนื้อหาสดใหม่อยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเปลี่ยนบล็อกธรรมดาให้กลายเป็นวิดีโอ พอดแคสต์ อินโฟกราฟิก หรือโพสต์บนโซเชียลได้

การค้นหาด้วยเสียงและรูปภาพ (Voice & Visual Search)

ในปี 2025 การค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) และการค้นหาด้วยรูปภาพ (Visual Search) ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำ SEO ควรปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับการค้นหาด้วยเสียง เช่น การใช้คำถามที่เป็นภาษาพูด และเนื้อหาที่กระชับ ชัดเจน

การเพิ่ม alt text และ metadata ที่เกี่ยวข้องกับรูปภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความสามารถในการค้นหาและแสดงผลได้ดีขึ้นเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาด้วยรูปภาพ

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ Core Web Vitals และประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience)

Google ให้ความสำคัญกับ Core Web Vitals ซึ่งเป็นชุดตัวชี้วัดที่วัดประสบการณ์ของผู้ใช้ เช่น Largest Contentful Paint (LCP), First Input Delay (FID), และ Cumulative Layout Shift (CLS)

ความเร็วของหน้าเว็บมีความจึงสำคัญ เนื่องจากเป็นปัจจัยการจัดอันดับโดยตรงสำหรับผลการค้นหาทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ ยิ่งเว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วเท่าไร ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะติดอันดับสูงขึ้นในหน้าผลการค้นหา (SERP) มากขึ้นเท่านั้น Google ใช้เมตริกเฉพาะเพื่อกำหนดความเร็วของเว็บไซต์ของหน้าเว็บ ซึ่งได้แก่

  • Largest Contentful Paint (LCP) – วัดความเร็วในการโหลด
  • Cumulative Layout Shift (CLS) – วัดความเสถียรของภาพ
  • First Input Delay (FID) – วัดการตอบสนองของหน้า

หากต้องการชนะการแข่งขันความเร็วของเว็บ คุณต้องวิเคราะห์ค่าเมตริกเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Page Speed ​​Insights ของ Google และ Google Search Console ซึ่งจะช่วยให้คุณระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงและดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของไซต์และสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ต่อ SEO

การโหลดเร็ว

เว็บไซต์ที่มี การโหลดเร็ว และ อินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย จะมีโอกาสที่สูงขึ้นในการได้อันดับที่ดี เพราะ Google ต้องการให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขณะใช้งานเว็บไซต์

คำสำคัญ/วลีสำคัญ หรือที่เราเรียกว่า คีย์เวิร์ด

เมื่อพูดถึง SEO ของ Google คีย์เวิร์ดจะช่วยดึงดูดผู้ใช้ที่ค้นหาผลิตภัณฑ์หรือบริการเช่นเดียวกับของคุณ ผู้ใช้ไม่ถึง 1% ที่สามารถขึ้นไปถึงหน้าที่สองของผลการค้นหา ดังนั้นการอยู่อันดับต้นๆ ของหน้าแรกและดึงดูดการเข้าชมจากการค้นหาแบบออร์แกนิกจึงมีความสำคัญ แต่ควรใช้คีย์เวิร์ดอย่างไรในปี 2024?

95% ของคีย์เวิร์ดมีปริมาณการค้นหา 10 ครั้งหรือน้อยกว่าต่อเดือน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมของคุณ อาจไม่น่าแปลกใจเมื่อพิจารณาจากความนิยมของการค้นหาด้วยเสียง คีย์เวิร์ดทั้งหมด 14.1% จะถูกจัดรูปแบบเป็นคำถาม ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ใช้จะใช้คำเช่น 'อย่างไร' 'อะไร' 'ที่ไหน' 'ใคร' ขณะค้นหา ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อสร้างกลยุทธ์คีย์เวิร์ดของคุณ

ควรเรียนรู้เกี่ยวกับ Google Snippets เพิ่ม

นอกจากนี้ คีย์เวิร์ดแบบยาวมีอัตราการแปลงประมาณ 36% ซึ่งสูงกว่าคีย์เวิร์ดแบบหางสั้น ผู้ใช้มักจะใช้คีย์เวิร์ดที่ยาวกว่าเมื่อพร้อมที่จะซื้อสินค้า ดังนั้นการค้นคว้าเจตนาของผู้ใช้สำหรับวลีคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญ เนื่องจากการค้นหา 15% เป็นการค้นหาใหม่เอี่ยมที่ Google ไม่เคยค้นหามาก่อน เคล็ดลับในการใช้คีย์เวิร์ดคือการทำให้เนื้อหาของคุณมีความเกี่ยวข้องมากที่สุด แจ้งให้ Google ทราบอย่างชัดเจนว่าหน้าเว็บของคุณเกี่ยวกับอะไร แต่ไม่ต้องกลัวที่จะใช้คีย์เวิร์ดทั้งแบบหางสั้นและหางยาวอย่างสร้างสรรค์ โดยคิดว่าผู้ใช้จะเขียนคีย์เวิร์ดเหล่านี้ในคำค้นหาอย่างไร

การปรับตัวกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI (AI-Generated Content)

เนื้อหาที่สร้างโดย AI จะถูกใช้มากขึ้นในปี 2025 แต่ Google ยังเน้นให้ เนื้อหาที่สร้างโดยมนุษย์ และมีคุณค่าเป็นสำคัญ การใช้ AI ควรเน้นที่การช่วยสร้าง แนวคิด และ โครงร่างเนื้อหา มากกว่าการสร้างเนื้อหาทั้งหมด เพื่อให้เนื้อหายังคงมีความเป็นมนุษย์และน่าเชื่อถือ

เนื้อหาที่ใช้ AI เขียนควรได้รับการตรวจสอบ และปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน เพื่อให้ Google ประเมินว่าเป็นเนื้อหาที่มีคุณค่า

Google กำลังปราบปรามเนื้อหา AIและเนื้อหาที่อ่านเหมือนเขียนขึ้นเพื่อ SEO!

Search Intent และการทำคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

การเข้าใจ Search Intent หรือความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะ Google มุ่งเน้นที่การให้ผลการค้นหาที่ตรงกับเจตนาของผู้ใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ

การวิเคราะห์และปรับคอนเทนต์ให้ตรงกับประเภทของคำค้นหาต่าง ๆ เช่น Navigational, Informational, Transactional, และ Commercial จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสสูงขึ้นในการขึ้นอันดับแรก ๆ บนผลการค้นหา

Local SEO และการค้นหาบนมือถือ (Mobile-First Indexing)

Local SEO ยังคงสำคัญมาก โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องการลูกค้าในพื้นที่ ควรใส่ใจกับ Google Business Profile และข้อมูล NAP (Name, Address, Phone Number) ที่ถูกต้องและครบถ้วน

การปรับเว็บไซต์ให้เป็น Mobile-First หรือการเน้นให้เว็บไซต์ใช้งานได้ดีบนมือถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะการค้นหาส่วนใหญ่จะมาจากอุปกรณ์มือถือ

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว (Security & Privacy)

การมี SSL Certificate (HTTPS) ยังคงเป็นสิ่งสำคัญ Google จะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัย เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

การให้ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดการติดตาม (tracking) และการจัดการ cookie อย่างชัดเจน จะทำให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของผู้ใช้และ Google

การสร้างและจัดการ Schema Markup

Schema Markup ยังคงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น โดยการเพิ่ม Schema เช่น FAQ Schema, How-to Schema, หรือ Product Schema จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถแสดงผลในรูปแบบที่โดดเด่นบนหน้าค้นหา เช่น Rich Snippets หรือ Knowledge Panel

การติดตามผลการค้นหาและ AI ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ SEO ที่มี AI เช่น Google Analytics 4 (GA4) หรือแพลตฟอร์มการวิเคราะห์อื่น ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์และปรับกลยุทธ์ SEO ได้ดียิ่งขึ้น

การทำ SEO ในปี 2025 จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริธึมและการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการค้นหา

สรุป

ปี 2025 เป็นปีที่การทำ SEO จะเน้นไปที่ คุณภาพของเนื้อหา และการปรับปรุง ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เพื่อประสบการณ์ของผู้ใช้ มากยิ่งขึ้น และการพัฒนาและการใช้ AI ของ Google ยังส่งผลต่อวิธีการจัดอันดับและการแสดงผลการค้นหา ทำให้เราต้องปรับตัวให้ทันกับแนวทางใหม่ ๆ เพื่อรักษาอันดับและการมองเห็นของเว็บไซต์ในหน้าแรกของผลการค้นหา Google

สิ่งที่ควรศึกษาเพิ่มเติม

บทความล่าสุด

บทความอื่นๆ