ตั้งชื่อโดเมน (Domain Name) อย่างไรให้ปัง

ตั้งชื่อโดเมน (Domain Name) อย่างไรให้ปัง

ทำความรู้จักโดเมน (Domain Name) หรือ ชื่อเว็บไซต์ก่อน

โดเมนเนม (Domain Name) คือ ชื่อที่ใช้แทนชุดตัวเลขที่เป็น IP Address บนอินเทอร์เน็ต โดเมนเนมเป็นส่วนสำคัญของเว็บไซต์ เปรียบเสมือนชื่อบ้านบนถนน ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจำและค้นหาเว็บไซต์ได้ง่าย โดยไม่ต้องจำ IP Address ที่เป็นตัวเลขยาวๆ และช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาเว็บไซต์ได้ง่าย สร้างความน่าเชื่อถือ สร้างแบรนด์ โดเมนเนมสามารถใช้สร้างแบรนด์และเอกลักษณ์ให้กับเว็บไซต์ โดเมนเนมที่มีคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ ช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นบน Search Engine

โดเมนเนมจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก คือ:

  • ชื่อโดเมน (Domain Name): เป็นชื่อที่ผู้ใช้ตั้งขึ้น เช่น google, facebook, wikipedia
  • นามสกุลโดเมน (Top-Level Domain - TLD): เป็นตัวอักษรที่อยู่ท้ายสุดของชื่อโดเมน บ่งบอกถึงประเภทของเว็บไซต์ เช่น .com, .net, .org, .th

ตัวอย่าง:

  • www.google.com
    • www: ย่อมาจาก World Wide Web
    • google: ชื่อโดเมน
    • .com: TLD บ่งบอกถึงองค์กรธุรกิจ

ประโยชน์ของโดเมนเนม:

  • จดจำง่าย: ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจดจำและค้นหาเว็บไซต์ได้ง่าย โดยไม่ต้องจำ IP Address
  • สร้างความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่มีโดเมนเนมดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บไซต์ที่ใช้ IP Address
  • สร้างแบรนด์: โดเมนเนมสามารถใช้สร้างแบรนด์และเอกลักษณ์ให้กับเว็บไซต์
  • เพิ่มประสิทธิภาพ SEO: โดเมนเนมที่มีคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ ช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นบน Search Engine

องค์ประกอบของชื่อโดเมน (Domain Name)

ชื่อโดเมน (Domain Name) เปรียบเสมือน "ที่อยู่" บนโลกออนไลน์บ่งบอกถึงประเภทของเว็บไซต์  ประกอบไปด้วย 4 ส่วนหลัก

1.นามสกุลโดเมน (TLD)

  • เป็นตัวอักษรที่อยู่ท้ายสุดของชื่อโดเมน บ่งบอกถึงประเภทของเว็บไซต์
  • มีหลายประเภท เช่น
    • .com: สำหรับองค์กรธุรกิจ
    • .net: สำหรับเครือข่าย
    • .org: สำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
    • .edu: สำหรับสถาบันการศึกษา
    • .gov: สำหรับหน่วยงานรัฐบาล
    • .th: สำหรับประเทศไทย

2. ชื่อโดเมน (Domain name)

  • เป็นชื่อที่ผู้ใช้ตั้งขึ้นเพื่อบ่งบอกถึงเว็บไซต์ของตน เช่น google, facebook, wikipedia ส่วนมากมักเป็นชื่อบริษัท ร้านค้า ชื่อของเราเอง หรือชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือจุดประสงค์ของเว็บไซต์ เน้นการตั้งชื่อให้จำง่ายและสื่อถึงตัวตน

3.ซับโดเมน (Subdomain) หรือ โดเมนย่อย

  • จะถูกเพิ่มไว้หน้าโดเมนหลัก (Domain name) และแยกออกจากชื่อโดเมนด้วยจุด ตัวอย่างเช่น www.google.com , blog.google.com , news.google.com

4. โปรโตคอล Protocol  (https) เป็นส่วนหนึ่งของ URL แต่ไม่ใช่ชื่อโดเมน และเรียกว่า "โปรโตคอล" 

 

เงื่อนไขการตั้งชื่อ Domain Name

หลักทั่วไป

  • ความยาว: ตั้งชื่อได้ไม่เกิน 67 ตัวอักษร (รวมเครื่องหมายขีด)
  • ตัวอักษร:
    • ภาษาอังกฤษ (ตัวพิมพ์ใหญ่และเล็กถือเป็นตัวเดียวกัน)
    • ตัวเลข (0-9)
    • เครื่องหมายขีด (-)
  • ห้ามใช้:
    • อักษรพิเศษ เช่น ~ ! @ # $ % ^ & * { } [ ] ? / |
    • เว้นวรรค
    • เครื่องหมายขีดล่าง (_) ติดต่อกันสองครั้ง
  • ห้ามใช้คำสงวน
    • www
    • ftp
    • mail
    • smtp
    • pop
    • imap
    • telnet
    • dns

หลักการตั้งชื่อที่ดี

  • สั้น จดจำง่าย
    • ชื่อสั้นจะจดจำง่าย พิมพ์ง่าย และสะกดง่าย
    • ควรมีจำนวนพยางค์ไม่เกิน 4 พยางค์
  • สื่อความหมาย
    • ชื่อโดเมนควรสื่อถึงเนื้อหาหรือประเภทของธุรกิจ
    • ช่วยให้ผู้ใช้คาดเดาเนื้อหาเว็บไซต์ได้
    • ควรมีคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
  • ไม่เหมือนใคร
    • ตรวจสอบว่าชื่อโดเมนนั้นถูกใช้งานหรือไม่
    • เลือกชื่อที่ไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้กับเว็บไซต์
  • ภาษาอังกฤษ
    • ชื่อโดเมนภาษาอังกฤษ เข้าถึงผู้ใช้ได้กว้างขวาง
    • สะกดง่าย จดจำง่าย
  • อ่านออกเสียงได้
    • ชื่อโดเมนควรอ่านออกเสียงได้ง่าย
    • หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรที่ทำให้สับสน เช่น q vs. k

ตัวอย่าง

  • ชื่อดี
    • jobweb24.com
    • facebook.com
    • wikipedia.org
    • shopee.co.th
    • lazada.co.th
  • ชื่อไม่ดี
    • !@#$%^&*.com
    • _very_long_domain_name.com

 

คำถามที่พบบ่อยกับการจดโดเมน

จำเป็นมั้ย? ต้องมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์

คำตอบคือ ไม่จำเป็น ที่จะต้องมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์ แต่การมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์ก็อาจส่งผลดีต่อ SEO อยู่บ้าง

ข้อดีของการมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์:

  • ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่มโอกาสในการติดอันดับค้นหาสำหรับ Keyword นั้น
  • สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์

ข้อเสียของการมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์:

  • อาจทำให้ชื่อเว็บไซต์ดูยาวและยุ่งยาก
  • อาจจำกัดขอบเขตของเว็บไซต์ในอนาคต
  • อาจทำให้เว็บไซต์ดูไม่เป็นมืออาชีพ

สรุป:

  • การมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ก็อาจส่งผลดีต่อ SEO อยู่บ้าง
  • การตัดสินใจว่าจะใส่ Keyword ในชื่อเว็บไซต์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ประเภทของเว็บไซต์ Keyword เป้าหมาย และกลุ่มเป้าหมาย

ทางเลือกอื่น แทนการใส่ Keyword ในชื่อเว็บไซต์:

  • ใส่ Keyword ใน meta description
  • ใส่ Keyword ในเนื้อหาเว็บไซต์
  • ใส่ Keyword ใน URL
  • ใช้ Keyword ในการตั้งชื่อ Title Tag

สิ่งสำคัญ ที่สุดคือ เว็บไซต์ควรมีเนื้อหาที่มีคุณภาพสูง น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับผู้ใช้

ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องมี Keyword อยู่ในชื่อเว็บไซต์:

  • Facebook
  • Google
  • YouTube
  • Amazon


ชื่อโดเมนมีความสำคัญต่อ SEO หรือไม่?

คำตอบคือ มีความสำคัญ แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อ SEO

ชื่อโดเมน เปรียบเสมือนชื่อร้านค้าบนถนน ชื่อที่จดจำง่าย สื่อความหมาย บ่งบอกประเภทธุรกิจ ย่อมดึงดูดลูกค้าได้ดีกว่า

ในแง่ของ SEO ชื่อโดเมนที่มี Keyword ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์ ช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสในการแสดงผลบนหน้าแรกของ Search Engine

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ SEO ยังมีอีกมากมาย เช่น:

  • คุณภาพเนื้อหา: เนื้อหาเว็บไซต์ควรมีคุณภาพ น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับผู้ใช้
  • โครงสร้างเว็บไซต์: โครงสร้างเว็บไซต์ควรมีความเรียบง่าย เข้าใจง่าย
  • Backlinks: เว็บไซต์ควรมี Backlinks จากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพ
  • ความเร็วในการโหลด: เว็บไซต์ควรโหลดได้รวดเร็ว
  • Mobile-friendly: เว็บไซต์ควรใช้งานได้สะดวกบนอุปกรณ์มือถือ

สรุป:

  • ชื่อโดเมนมีความสำคัญต่อ SEO แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียว
  • เลือกชื่อโดเมนที่สื่อความหมาย จดจำง่าย และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาเว็บไซต์
  • มุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ และสร้าง Backlinks

ตัวอย่าง:

  • เว็บไซต์ขายรองเท้า เลือกชื่อโดเมนว่า "รองเท้าราคาถูก" ย่อมดีกว่า "www.abcd1234.com


นามสกุลโดเมนส่งผลต่อ SEO หรือไม่?

คำตอบคือ ส่งผล แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก ในแง่ของ SEO นามสกุลโดเมน .com ยังคงได้รับความนิยมและมีความน่าเชื่อถือสูงสุด อย่างไรก็ตาม Google ประกาศว่านามสกุลโดเมนไม่ได้ส่งผลต่ออันดับการค้นหาโดยตรง

ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ SEO:

  • คุณภาพเนื้อหา: เนื้อหาเว็บไซต์ควรมีคุณภาพ น่าสนใจ และเกี่ยวข้องกับผู้ใช้
  • โครงสร้างเว็บไซต์: โครงสร้างเว็บไซต์ควรมีความเรียบง่าย เข้าใจง่าย
  • Backlinks: เว็บไซต์ควรมี Backlinks จากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพ
  • ความเร็วในการโหลด: เว็บไซต์ควรโหลดได้รวดเร็ว
  • Mobile-friendly: เว็บไซต์ควรใช้งานได้สะดวกบนอุปกรณ์มือถือ

สรุป:

  • นามสกุลโดเมน .com ยังคงได้รับความนิยมและมีความน่าเชื่อถือสูงสุด
  • นามสกุลโดเมนไม่ได้ส่งผลต่ออันดับการค้นหาโดยตรง
  • เลือกนามสกุลโดเมนที่เหมาะสมกับประเภทของเว็บไซต์
  • มุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ และสร้าง Backlinks

.com ดีที่สุดสำหรับ SEO หรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ นามสกุลโดเมน (.com, .net, .org, .th, ฯลฯ) ไม่ได้ส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง

อย่างไรก็ตาม .com ยังคงเป็นนามสกุลโดเมนที่ได้รับความนิยมสูงสุด

เหตุผลที่ .com ได้รับความนิยม

  • เป็นนามสกุลโดเมนที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุด
  • มีเว็บไซต์ .com มากกว่านามสกุลอื่นๆ
  • ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักคุ้นเคยกับ .com

ข้อดีของการใช้ .com

  • ความน่าเชื่อถือ: .com มักถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่านามสกุลอื่นๆ
  • การจดจำ: .com จดจำง่ายกว่านามสกุลอื่นๆ
  • การเข้าถึง: ผู้ใช้ส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ .com และอาจไม่คลิกลิงก์ที่มีนามสกุลอื่น

ข้อเสียของการใช้ .com

  •  โดเมน .com ยอดนิยมมักถูกจดทะเบียนแล้ว

นามสกุลอื่นๆ:

  • .net: เหมาะสำหรับเครือข่าย
  • .org: เหมาะสำหรับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
  • .edu: เหมาะสำหรับสถาบันการศึกษา
  • .gov: เหมาะสำหรับหน่วยงานรัฐบาล
  • .th: เหมาะสำหรับเว็บไซต์ในประเทศไทย

สรุป:

  • .com ไม่ได้ส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง
  • .com ได้รับความนิยมสูงสุด
  • เลือกนามสกุลโดเมนที่เหมาะสมกับประเภทของเว็บไซต์
  • มุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ และสร้าง Backlinks

อายุโดเมนส่งผลต่อ SEO หรือไม่?

คำตอบคือ มีผล แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก Google พิจารณาอายุโดเมนเป็นหนึ่งในสัญญาณ SEO โดยทั่วไป โดเมนที่มีอายุมากกว่ามักจะมีความน่าเชื่อถือและ authority มากกว่าโดเมนใหม่ แต่โดเมนใหม่สามารถติดอันดับ SEO ได้

บทความล่าสุด

บทความอื่นๆ