เวลาในการอ่าน: 4 นาที
เมตาแท็ก Open Graph คือชุดเมตาแท็กที่กำหนดว่าจะแสดงหน้าเว็บอย่างไรเมื่อมีการแชร์บนโซเชียลมีเดีย แท็กเหล่านี้ใช้โดยแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่ง รวมถึง Facebook, Twitter, LinkedIn และ Pinterest
Open Graph จะถูกวางไว้ในส่วน
ของหน้าเว็บ โดยประกอบด้วยสองส่วน ได้แก่ ชื่อคุณสมบัติและค่าเนื้อหา ชื่อคุณสมบัติจะแจ้งให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทราบว่าจะแสดงข้อมูลใด และค่าเนื้อหาจะเป็นข้อมูลจริงที่จะแสดง
og:title : หัวเรื่องของหน้าเว็บ
og:type : ประเภทของหน้าเว็บ เช่น "เว็บไซต์" "บทความ" หรือ "วิดีโอ"
og:image : รูปภาพที่จะแสดงเมื่อมีการแชร์หน้าเว็บ
og:url : URL ของหน้าเว็บ
นอกเหนือจากแท็กที่จำเป็นทั้งสี่นี้แล้ว ยังมี Open Graph ที่เป็นทางเลือกอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถใช้เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเว็บเพจ เช่น คำอธิบาย ผู้เขียน และวันที่เผยแพร่
แท็ก Open Graph มีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้คุณควบคุมวิธีการแสดงหน้าเว็บของคุณบนโซเชียลมีเดียได้ เมื่อคุณแชร์ลิงก์ไปยังหน้าเว็บของคุณ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะใช้แท็ก Open Graph เพื่อกำหนดว่าจะแสดงข้อมูลใด เช่น ชื่อเรื่อง รูปภาพ และคำอธิบาย
การใช้แท็ก Open Graph ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าหน้าเว็บของคุณจะแสดงในรูปแบบที่ให้ข้อมูลและน่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณและปรับปรุงการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียของคุณ
เมื่อคุณแชร์เนื้อหาบนแพลตฟอร์มโซเชียล โดยเฉพาะบน Facebook รูปลักษณ์ของเนื้อหาของคุณมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการคลิกและการมีส่วนร่วม ป้อนแท็ก Open Graph (OG) ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่ Facebook แนะนำ
นี่คือตัวอย่างโค้ด Open Graph (OG) Meta Tags ที่ปรับให้เหมาะสมกับการแชร์เนื้อหาบนโซเชียลมีเดีย
คุณสามารถปรับค่าเหล่านี้ให้ตรงกับเนื้อหาและธุรกิจของคุณได้ตามต้องการ
หรือหากเว็บไซต์ของคุณใช้ CMS เช่น WordPress, Wix, Shopify หรือ Squarespace ก็อาจมีฟังก์ชันหรือปลั๊กอินที่ใช้งานได้ที่เพิ่มแท็ก Open Graph โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ปลั๊กอิน WordPress เช่น Yoast SEO หรือ Rank Math ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
หากเพิ่มแท็ก Open Graph ให้พูดคุยกับนักพัฒนาของคุณ การสร้างฟังก์ชันสำหรับสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องยาก
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการยอมรับ เนื่องจากพวกเขาได้สร้าง Open Graph ขึ้นมา เว็บไซต์โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter และ LinkedIn ต่างก็ยอมรับแท็ก Open Graph
อย่างไรก็ตาม Twitter ยังใช้เมตาแท็กที่เรียกว่า Twitter Cards อีกด้วย อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะเลือกใช้แท็ก Open Graph แทนแท็ก Twitter Card Open Graph เป็นโปรโตคอลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก Open Graph ยังได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มเหล่านี้
โปรดทราบว่า Twitter ได้พัฒนา 'Twitter Cards' เวอร์ชันของตัวเอง แต่หากไม่มี Twitter Cards การ์ดเหล่านั้นจะถูกส่งกลับไปยัง Open Graph เพื่อสร้างตัวอย่าง URL
เมตาแท็กพื้นฐานของ Twitter มีดังนี้
ตัวอย่าง HTML:
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เราชื่นชอบยังมีแหล่งข้อมูลที่จะช่วยเราแก้ไขแท็ก หลังจากที่คุณแน่ใจว่าแท็กของคุณรวมอยู่ในโค้ดของเว็บไซต์แล้ว คุณจะเห็นว่าเว็บไซต์ของคุณจะปรากฏในฟีดอย่างไร ตรวจสอบจากด้านล่าง
ทวิตเตอร์
https://cards-dev.twitter.com/validator
เฟสบุ๊ก
https://developers.facebook.com/tools/debug/
Pinterest
https://developers.pinterest.com/tools/url-debugger/
Open Graph ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อควบคุมว่าเนื้อหาจะปรากฏอย่างไรเมื่อแชร์บนแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น Facebook อย่างไรก็ตาม การมีอยู่และการเพิ่มประสิทธิภาพของ Open Graph อาจส่งผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) โดยอ้อมได้หลายวิธี
ปรับปรุงรูปลักษณ์การแชร์โซเชียล | แท็ก OG ที่ตั้งไว้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เนื้อหาของคุณได้รับการแชร์บนโซเชียลมีเดีย เนื้อหานั้นดูน่าสนใจด้วยชื่อคำอธิบายและรูปภาพที่ถูกต้อง การดูตัวอย่างโพสต์ที่สวยงามและแม่นยำสามารถเพิ่มอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ส่งผลให้มีการเข้าชมมากขึ้น |
เพิ่มการมีส่วนร่วมบนแพลตฟอร์มโซเชียล | หากเนื้อหาชิ้นหนึ่งมีการแชร์ ยอดไลค์ ความเห็น ฯลฯ จำนวนมากบนแพลตฟอร์มโซเชียล เครื่องมือค้นหาอาจอนุมานได้ว่าเนื้อหานั้นๆ นั้นมีคุณค่า ดึงดูดใจ หรือเชื่อถือได้ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มอันดับของเนื้อหาได้โดยทางอ้อม |
ความสอดคล้องในข้อมูลเมตา | ข้อมูลใน OG (เช่น og:title และ og:description) มักจะสะท้อนถึงเมตาไตเติลและคำอธิบายที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ด้าน SEO การรับรองความสอดคล้องระหว่างรายละเอียดเมตาเหล่านี้สามารถช่วยนำเสนอข้อความที่เป็นหนึ่งเดียวให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าจะมาจากเครื่องมือค้นหาหรือแพลตฟอร์มโซเชียลก็ตาม |
ลดอัตราการตีกลับ | การทำให้เนื้อหาตัวอย่างบนโซเชียลมีเดียแสดงเนื้อหาจริงของเพจได้อย่างแม่นยำจะช่วยลดโอกาสที่ผู้ใช้จะออกจากเพจอย่างรวดเร็ว (หรือ "เด้งออกจากเพจ") เนื่องจากไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง อัตราการเด้งเป็นตัวชี้วัดที่เครื่องมือค้นหาอาจพิจารณาเมื่อจัดอันดับไซต์ |
สัญญาณทางอ้อม | แม้ว่าเครื่องมือค้นหาหลักอย่าง Google จะระบุว่าสัญญาณโซเชียล (เช่น ยอดไลค์ ยอดแชร์) ไม่ใช่ปัจจัยในการจัดอันดับโดยตรง แต่ยังมีการอภิปรายกันอย่างต่อเนื่องในชุมชน SEO เกี่ยวกับอิทธิพลทางอ้อมของตัวชี้วัดเหล่านี้ แนวคิดก็คือเนื้อหาคุณภาพสูงมีแนวโน้มที่จะได้รับการแชร์มากขึ้น และการแชร์เหล่านี้ทำให้มีการมองเห็นมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่แบ็คลิงก์ออร์แกนิกมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยในการจัดอันดับ SEO โดยตรง |
ศักยภาพสำหรับแบ็คลิงก์ | เนื้อหาที่แชร์ได้ง่ายและดูดีเมื่อแชร์ออกไปนั้นมีแนวโน้มที่จะถูกหยิบขึ้นมาอ่านโดยบล็อกเกอร์ นักข่าว และผู้สร้างเนื้อหารายอื่นๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ลิงก์ย้อนกลับซึ่งมีความสำคัญต่อ SEO |
การเตรียมรับอนาคต | เมื่ออัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหาพัฒนาและอาจให้ความสำคัญกับสัญญาณโซเชียลมากขึ้นหรือบูรณาการกับแพลตฟอร์มโซเชียลอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น การกำหนดค่า Open Graph อย่างเหมาะสมอาจเป็นประโยชน์โดยตรงต่อ SEO มากขึ้น |
ในวันที่ 9 กันยายน 2023 จอห์น มูลเลอร์ ผู้สนับสนุน Google Search ทวีตเกี่ยวกับแท็ก Open Graph
ทวีตนี้เป็นการเตือนว่าแท็ก Open Graph ยังคงเป็นส่วนสำคัญของ SEO บนโซเชียลมีเดีย การใช้แท็ก Open Graph ช่วยให้คุณควบคุมวิธีการแสดงเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณและปรับปรุงการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียของคุณ
กล่าวได้ว่า สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าแม้ว่าแท็ก OG จะมีประโยชน์ทางอ้อมสำหรับ SEO แต่ก็ไม่สามารถทดแทนแนวทาง SEO แบบดั้งเดิมได้ Open Graph ควรเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ SEO และเนื้อหาที่กว้างขึ้น เช่นเดียวกับหลายๆ แง่มุมของ SEO จุดเน้นหลักควรอยู่ที่การส่งมอบคุณค่าให้กับผู้ใช้ ไม่ว่าผู้ใช้จะมาจากหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาหรือฟีดโซเชียลมีเดียก็ตาม
อัพเดทล่าสุด สิงหาคม 2024
ปัจจุบัน Google อัปเดตการใช้ og:title ในผลการค้นหา แล้ว อ่านต่อได้ที่นี่