หลายคนที่มีเว็บไซต์มักจะเจอปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือเว็บไซต์ส่วนตัว คุณอาจสงสัยว่า "ทำไมเว็บไซต์ของฉันไม่ติดอันดับบน Google?" หรือ "ทำไมค้นหาไม่เจอเว็บไซต์ของตัวเองเลย?" บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออันดับเว็บไซต์ของคุณ และวิธีแก้ไขปัญหา
ใช้เวลาอ่าน 30 นาที
เว็บไซต์ที่เพิ่งสร้าง Google ต้องใช้เวลาสักระยะในการจัดทำดัชนี (Indexing) เว็บไซต์ใหม่ หากคุณเพิ่งเปิดเว็บไซต์หรือมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่าบอทของ Google ยังไม่ได้รวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ของคุณ อาจต้องรอ 1 – 3 เดือน ถึงจะเห็นเว็บไซต์ของคุณในหน้าผลลัพธ์ของการค้นหา นั่นเป็นเพราะ GoogleBot ต้องทำงานในหลายขั้นตอน ในการรวบรวมข้อมูลหน้าเว็บต่างๆ ของเว็บไซต์
นอกจากนี้ เว็บไซต์ของคุณไม่ได้เป็นเพียงเว็บเดียวที่ Google ต้องจัดการ มีเว็บไซต์ใหม่เกิดขึ้นมากมายทุกวัน ดังนั้น กระบวนการนี้อาจใช้เวลานาน
กระตุ้นให้ Google เข้ามารวบรวมข้อมูลเร็วขึ้น ส่ง Sitemap ไปยัง Google Search Console เพื่อแจ้งให้ Google ทราบว่าเว็บไซต์ของคุณมีหน้าอะไรบ้างเพื่อขอให้ Google ตรวจสอบหน้าเว็บทันทีสร้าง Backlinks คุณภาพ จากเว็บไซต์อื่นที่น่าเชื่อถือ เพื่อช่วยให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีความสำคัญ
แม้ว่าการจัดทำดัชนีอัตโนมัติจะใช้เวลา 1 – 3 เดือน แต่หากใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณสามารถเร่งกระบวนการนี้ให้เร็วขึ้นได้
หากเว็บไซต์คุณมีอายุมากกว่า 3 เดือนแล้วให้ตรวจสอบข้อถัดไปได้เลย
หากเว็บไซต์ของคุณมีอายุมากแล้วแต่ ไม่ได้รับการจัดอันดับที่ดีใน Google หรือ ค้นหาไม่เจอ อาจเป็นเพราะการออกแบบเว็บไซต์ ไม่เอื้อต่อการค้นหา (SEO) ซึ่งอาจส่งผลต่อ การจัดทำดัชนีอันดับ
สาเหตุที่เว็บไซต์ไม่เอื้อต่อการค้นหา
เมนูนำทาง (เมนูเว็บไซต์) ใช้งานยาก หรือมีหลายระดับ เกินไปทำให้ Googlebot เข้าใจเนื้อหาได้ยาก ร่วมถึงคนใช้ก็ยากด้วย
วิธีแก้ไข
ออกแบบเมนูให้เข้าใจง่าย และใช้ Breadcrumbs ให้ลิงก์สำคัญอยู่ไม่เกิน 3 คลิกจากหน้าแรก ก็พอแล้ว
ไม่มี Title Tag และ Meta Description ที่เหมาะสม หรือใช้ H1, H2, H3 ไม่ถูกต้อง ทำให้ Google ไม่เข้าใจโครงสร้างเนื้อหา
การกำหนด Title Description และ Keyword แบบเน้นเยอะๆก็มีผลด้วยเช่นกัน
ในตัวอย่างนี้คำว่า "ช่างไฟ" ถูกใช้ซ้ำหลายครั้งในเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่เป็นธรรมชาติและทำให้เนื้อหาดูเหมือนการพยายามหลอกลวงเครื่องมือค้นหา
วิธีแก้ไข
ตั้ง title (หัวข้อเรื่อง) ให้สั้น กระชับ และมีคำหลัก (Keyword) เพียง 1 เดียวก็พอ
เขียน Meta Description ให้ดึงดูดและมีความยาวประมาณ 150-160 ตัวอักษร และมีคำหลัก 1 เดียวก็พอแล้ว
ใช้ H1 สำหรับหัวข้อหลัก, H2 สำหรับหัวข้อรอง, H3 สำหรับหัวข้อย่อย เรียงลงไป ไม่สลับกันไปมา
มีการเข้าใจผิดมาตลอดว่า เว็บไซต์ที่ใส่ "คียเวิดร์(Keywords) ซ้ำ ๆ" หรือมากเกินไปในเนื้อหาของเว็บไซต์ จะมีโอกาศติดหน้าแรก
การใส่คียเวิดร์หรือมากเกินไปในเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยมุ่งหวังว่าจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ แต่การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ ไม่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับดีขึ้น ยังอาจ ทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษ จาก Google ได้นะ
Google ลงโทษเว็บไซต์ที่ใช้เทคนิคนี้
Google มีการปรับปรุงอัลกอริธึมอย่างสม่ำเสมอ และการใช้ Keyword Stuffing เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์อาจถูก ลงโทษหรือถูกจัดอันดับให้ต่ำลง
การใส่คีย์เวิร์ดควรทำในปริมาณที่เหมาะสม และควรมุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาคุณภาพที่สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้ได้จริง การทำ SEO อย่างถูกวิธีจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับที่ดี
การมีเนื้อหาที่ สั้นเกินไป หรือมีจำนวนคำไม่ถึง 300 คำ อาจส่งผลเสียต่อการทำ SEO และการจัดอันดับในผลการค้นหาของ Google เพราะ Google ต้องการเนื้อหาที่มีความลึกซึ้งและสามารถตอบโจทย์คำค้นหาของผู้ใช้ได้อย่างครบถ้วน การมีเนื้อหาสั้นทำให้มีพื้นที่จำกัดในการใช้ คีย์เวิร์ด หรือคำหลักที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสน้อยที่จะปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง
ที่สำคัญเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสั้นจะมีโอกาสน้อยมากในการติดอันดับบนหน้าแรกของ Google เนื่องจาก Google มักจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่ยาวและมีคุณภาพ
แนวทางการเขียนเนื้อหาที่ดีควรมีความยาวอย่างน้อย 500-1000 คำและมีคุณภาพ จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสในการติดอันดับที่ดีขึ้น (ไม่เพียงแค่เนื้อหายาว ๆ แต่ต้องมีคุณภาพ)
การสร้าง Backlinks หรือการสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมาที่เว็บไซต์ของคุณ เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญในการทำ SEO เพื่อเพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google แต่การมี Backlink มากเกินไป อาจกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษจาก Google หรือเครื่องมือค้นหาคนอื่น ๆ หากการสร้าง Backlink ไม่เป็นธรรมชาติ
Google มีการตรวจสอบ คุณภาพของ Backlinks ที่ชี้มาที่เว็บไซต์ และหากเว็บไซต์ของคุณมีการสร้าง Backlink มากเกินไปในระยะเวลาอันสั้น โดยที่ไม่ได้รับความเชื่อถือจากเว็บไซต์คุณภาพ อาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลงโทษหรือถูกจัดอันดับต่ำลง ในบางกรณีเว็บไซต์อาจถูก ลบออกจากดัชนีของ Google ไปเลย
ควรมุ่งเน้นการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์คุณ หากเว็บไซต์ที่สร้าง Backlink มีความเชื่อถือและมีการจัดอันดับที่ดี จะทำให้ Backlink ที่ได้มามีคุณค่าและเพิ่มคะแนน SEO ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
หลีกเลี่ยงการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์คุณ เช่น เว็บไซต์ขายลิงก์ (Link Farms) หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะจะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูไม่น่าเชื่อถือ และอาจทำให้ถูกลงโทษจาก Google
สรุปแล้วอะไรที่มันมากเกินไป ไม่ใช่ว่าจะเกิดผลดี แนะนำควรทำให้พอดีหรือปรึกษาผู้เชียวของท่านก่อน
การ คัดลอกเนื้อหา จากเว็บไซต์อื่นมาใช้ในเว็บไซต์ของตัวเองเป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งในการทำ SEO และการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง เพราะมันไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับใน Google แต่ยังอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณเสียชื่อเสียงและโดนลงโทษจากเครื่องมือค้นหาด้วย
Google มีระบบการตรวจจับ เนื้อหาที่ซ้ำซ้อน ซึ่งจะทำการลดอันดับเว็บไซต์ที่คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น หากเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่ซ้ำซ้อนกับเว็บไซต์อื่น Google อาจจะลงโทษโดยการลดอันดับหรือแม้กระทั่งลบเว็บไซต์ของคุณออกจากดัชนี
เขียนเนื้อหาด้วยตัวเอง การสร้าง เนื้อหาดั้งเดิม เป็นวิธีที่ดีที่สุด
หากต้องการอ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ควรใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และให้เครดิตแหล่งที่มาอย่างชัดเจน เช่น การใส่ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ต้นฉบับ
หากคุณต้องการใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์อื่น ควรนำเสนอในมุมมองที่แตกต่างหรือเพิ่มข้อมูลใหม่เพื่อให้เนื้อหานั้นมีความสดใหม่
การสร้างเว็บไซต์ที่มีความ ปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากหากเว็บไซต์ของคุณไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบทั้งในด้าน ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ และ SEO การที่เว็บไซต์ของคุณไม่ปลอดภัยอาจทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่มั่นใจและหลีกเลี่ยงการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
Google มีการพิจารณา ความปลอดภัย ของเว็บไซต์เป็นปัจจัยในการจัดอันดับในผลการค้นหา หากเว็บไซต์ของคุณไม่มีการใช้ HTTPS หรือระบบความปลอดภัยที่เหมาะสม Google อาจลดอันดับของเว็บไซต์คุณในผลการค้นหา ทำให้มีโอกาสน้อยในการติดหน้าแรกและลดการเข้าถึงจากผู้ใช้
การติดตั้ง SSL certificate จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัย โดยการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างผู้ใช้และเว็บไซต์ ซึ่งช่วยป้องกันการถูกดักจับข้อมูลโดยผู้ไม่ประสงค์ดี
การรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ไม่ได้หยุดแค่การติดตั้ง SSL certificate แต่ยังต้องตรวจสอบและอัปเดต ซอฟต์แวร์ และ ปลั๊กอิน ที่ใช้ในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เว็บไซต์ไม่ผ่านนโยบายของ Google เช่น มีเนื้อหาสแปมหรือคุณภาพต่ำ มีเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติด้วย AI (AI-Generated) โดยไม่มีการปรับแต่งให้มีคุณค่า หน้าเว็บที่ไม่มีเนื้อหาสาระ หรือถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้คลิกโฆษณาเท่านั้น
Googleมีการตรวจจับเนื้อหาอยู่ตลอดด้วยระบบอัตโนมัติ และเจ้าหน้าที่ (หากจำเป็น) ต้องไม่ละเมิดนโยบายโดยรวมของ Google Search, นโยบายสแปมของ Google Search
เนื้อหาที่มี ภาพการล่วงละเมิดทางเพศเด็กหรือเนื้อหาเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก
เว็บไซต์ที่มีภาพการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือแสวงหาประโยชน์จากเด็ก เว็บไซต์ประเภทนี้จะถูกบล็อกผลการค้นหา
เนื้อหาที่มี ข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง
Google อาจลบหน้าเว็บที่มีข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างที่ทำให้เกิดความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล การฉ้อโกงทางการเงิน หรือความเสียหายที่เฉพาะเจาะจงอื่นๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการจงใจรวบรวมเนื้อหาและเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวเพื่อกลั่นแกล้ง รูปภาพส่วนตัวที่โจ่งแจ้ง และภาพอนาจารปลอมที่ไม่ได้เป็นไปโดยสมัครใจ
เนื้อหาที่มี สแปม (เนื้อหาหลอกหลวง)
เนื้อหาที่หลอกให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับเนื้อหาด้วยความเข้าใจผิด เช่น “คุณขายผลไม้” แต่พอเข้าเว็บไซต์ไปเป็น “ขายรถยนต์” หากถูกตรวจพบก็จะถูกนำเว็บไซต์ออกจาหผลการค้นหาได้
เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์
Google ให้ความสำคัญกับ การปกป้องลิขสิทธิ์ อย่างเคร่งครัด หากเว็บไซต์ของคุณมี เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ อาจถูกลบออกจากผลการค้นหาอย่างแน่นอน เช่น
Google ปฏิบัติตามกฎหมาย Digital Millennium Copyright Act (DMCA) ซึ่งช่วยปกป้องสิทธิ์ของเจ้าของเนื้อหา หากเว็บไซต์ของคุณถูกแจ้งว่ามีเนื้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ อาจถูกดำเนินการดังนี้
ติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์
หากได้รับแจ้งเตือน DMCA Takedown ให้ติดต่อเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อขออนุญาตหรือเจรจาแก้ไข
ยื่นอุทธรณ์ไปยัง Google
หากคุณเชื่อว่าเนื้อหาของคุณไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ สามารถส่งคำขอให้ Google ทบทวนการลบเนื้อหา ผ่าน Google DMCA Counter Notification ได้
เนื้อหาที่มี สินค้าบริการที่มีการควบคุม
เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาเสพติด อาหารเสริมที่ไม่ผ่านการอนุมัติ อาวุธ พลุและดอกไม้ไฟ หรือการพนัน
หากหน้าเว็บไซต์ของคุณถูกแจ้งว่าไม่เป็นไปตามนโยบายของ Google ควรรีบ ตรวจสอบและแก้ไขปัญหา ตามหลักการของ Google Search เพื่อให้เว็บไซต์สามารถกลับมาติดอันดับได้ดีขึ้น ปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพ ใช้ลิงก์ที่ถูกต้อง และทำให้เว็บปลอดภัยและเหมาะกับผู้ใช้
โดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำหรือไม่
การที่โดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำ (blacklist) จะทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกจำกัดการเข้าถึงจากผู้ใช้งาน หรือเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ โดยเฉพาะ Google ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ SEO และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ หากโดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำ จะทำให้การเข้าถึงจากเครื่องมือค้นหาถูกจำกัด
เมื่อโดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำ เว็บไซต์ของคุณอาจไม่สามารถปรากฏในผลการค้นหาของ Google หรือเครื่องมือค้นหาตัวอื่น ๆ
ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้โดเมนถูกขึ้นบัญชีดำ
ตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณว่าอาจมีปัญหาอะไรที่ทำให้โดเมนถูกขึ้นบัญชีดำ เช่น การติดมัลแวร์ การใช้คีย์เวิร์ดที่ไม่เหมาะสม หรือการทำผิดนโยบายของ Google
ขอให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีดำ
หากคุณแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงเว็บไซต์แล้ว สามารถส่งคำขอ Reconsideration Request ไปยัง Google เพื่อขอให้ยกเลิกการขึ้นบัญชีดำ
รักษามาตรการป้องกัน
เพื่อไม่ให้โดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำอีกในอนาคต ควรปฏิบัติตาม นโยบาย SEO และมาตรการรักษาความปลอดภัย เช่น การใช้ SSL certificate, ป้องกันการแฮก, และหลีกเลี่ยงการใช้เทคนิค SEO ที่ไม่ถูกต้อง
การที่โดเมนของคุณถูกขึ้นบัญชีดำถือเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ แต่การตรวจสอบและดูแลเว็บไซต์ให้ปลอดภัยและสอดคล้องกับนโยบายของเครื่องมือค้นหาจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการยอมรับและปรากฏในผลการค้นหาได้
ปัญหาหลักๆที่ท่านได้อ่านไปนั้น เป็นปัญหาที่พบเจอบ่อยที่สุด การปรับปรุงเว็บไซต์ตามข้อแนะนำในบทความนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาได้ หากท่านได้ตรวจสอบและทำตามแล้ว เว็บไซต์ยังไม่มีอันดับ แนะนำให้ท่านติดต่อผู้เชียวชาญให้แก้ไขต่อไป
สิ่งที่ควรศึกษาเพิ่ม
สามารถเข้าไปอ่านบทความ ทำไมหน้าเว็บของฉันจึงหายไปจาก Google Search
พฤติกรรมของเว็บไซต์ที่ละเมิดทั้งนโยบาย Google Search ทั้งหมด